การจัดระบบข้อมูลในเว็บไซต์เป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จของเว็บไซต์ เนื่องจากโครงสร้างข้อมูลมีความสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาระบบเนวิเกชัน เนื่องจากข้อมูลในแต่ละลำดับชั้นจะมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับรายการในระบบเนวิเกชัน นอกจากนั้นชื่อของกลุ่มข้อมูลต่าง ๆ ก็จะเป็นตัวกำหนดชนิดและลักษณะของข้อมูลภายในกลุ่มนั้น ๆ ด้วย
การจัดระบบข้อมูลในเว็บไซต์ประกอบด้วย แบบแผนระบบข้อมูล (Organizational Scheme) และโครงสร้างระบบข้อมูล (Organizational Structure) โดยที่แบบแผนระบบข้อมูลในกลุ่ม ซึ่งจะมีผลต่อการจัดแบ่งข้อมูลเข้าในแต่ละกลุ่มภายหลัง ส่วนโครงสร้างระบบข้อมูลจะกำหนดรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มข้อมูล
แบบแผนระบบข้อมูล (Organizational Scheme)
แบบแผนระบบข้อมูล คือ การกำหนดลักษณะพื้นฐานของข้อมูลภายในกลุ่มเดียวกัน ในชีวิตประจำวันคุณอาจได้สัมผัสกับแบบแผนการจัดระบบต่าง ๆ มากมายโดยไม่รู้ตัว เช่น ในการค้นหาเบอร์โทรศัพท์จากสมุดโทรศัพท์ ซึ่งใช้รูปแบบการจัดระบบตามตัวอักษร หรือการเลือกซื้อของในห้างสรรพสินค้าที่มีการแบ่งหมวดหมู่สินค้าที่แตกต่างกันไป
แบบแผนระบบข้อมูลแบบแน่นอน (Exact Organizational Schemes)
แบบแผนระบบข้อมูลแบบแน่นอน เกิดจากการแบ่งข้อมูลออกเป็นกลุ่มที่แน่นอน โดยไม่มีการเหลื่อมล้ำของข้อมูลในแต่ละกลุ่ม ตัวอย่างระบบข้อมูลรูปแบบนี้ ได้แก่ ระบบข้อมูลตามตัวอักษร ระบบข้อมูลตามลำดับเวลา และระบบข้อมูลตามพื้นที่ ลักษณะเด่นของแบบแผนประเภทนี้ คือ ความง่ายต่อการออกแบบและดูแล เพราะไม่จำเป็นต้องอาศัยความพยายามใด ๆ ในการแบ่งข้อมูลให้อยู่ตามกลุ่มและยังง่ายต่อการใช้งาน
- การจัดเรียงข้อมูลตามลำดับอักษร (Alphabetical) เป็นรูปแบบการจัดระบบพื้นฐานของพจนานุกรม สารานุกรม สมุดโทรศัพท์ ห้องสมุด และดัชนีที่อยู่ด้านหลังหนังสือ สิ่งเหล่านี้ล้วนใช้ประโยชน์จากการลำดับตัวอักษรในการจัดเรียงข้อมูล แต่วิธีนี้ก็มีข้อด้วย คือ สิ่งที่อยู่ใกล้เคียงกันอาจไม่มีความสัมพันธ์กันแต่อย่างใด
- การจัดข้อมูลตามลำดับเวลา (Chronological) มีความเหมาะสมกับข้อมูลบางประเภทที่มีความสัมพันธ์กับเวลา เช่น ข่าว หนังสือพิมพ์ รายการทีวี ซึ่งจำเป็นนำเสนอข้อมูลตามลำดับเวลา
- ข้อมูลที่ควรจัดระบบตามพื้นที่ (Geographic) ได้แก่ ข่าว พยากรณ์อากาศ เศรษฐกิจ การเมืองหรือการปกครอง ที่มีลักษณะเฉพาะของแต่ละพื้นที่
แบบแผนระบบข้อมูลแบบไม่แน่นอน
ข้อมูลที่อยู่ในแบบแผนนี้ เป็นข้อมูลที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มโดยไม่มีการกำหนดแน่นอน ซึ่งยากต่อการออกแบบ ดูแล และใช้งาน แต่อย่างไรก็ตามรูปแบบนี้กลับมีความสำคัญและเป็นที่นิยมใช้มากกว่าแบบการจัดระบบที่แน่นอนเสียอีก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าผู้ใช้อินเตอร์เน็ตบางคนไม่รู้แน่ชัดถึงสิ่งที่กำลังค้นหา หรืออาจจะรู้เพียงบางส่วนแต่ยังไม่แน่ใจนัก
เนื่องจากระบบข้อมูลแบบนี้มีการรวมข้อมูลตามลักษณะที่คล้ายหรือใกล้เคียงกัน ฉะนั้นในกระบวนการค้นหาข้อมูลประเภทนี้ ผู้ใช้สามารถเรียนรู้รายละเอียดของสิ่งที่ค้นหาเพิ่มขึ้นได้ ตามจำนวนครั้งในการค้นหาข้อมูลจากเสิร์ชเอ็นจิ้น โดยใช้คำที่มีความหมายกว้างก่อนและจากผลการเสิร์ชทำให้เรารู้สึกถึงสิ่งที่มีความเฉพาะเจาะจงขึ้นเรื่อย ๆ จึงนำข้อมูลนั้นมาเสิร์ชต่อแล้วพบสิ่งที่ต้องการในที่สุด
ชนิดของแบบแผนระบบข้อมูลแบบไม่แน่นอน
- จัดกลุ่มข้อมูลตามหัวข้อ (Topical) เป็นวิธีที่มีประโยชน์และนิยมใช้กันในเว็บไซต์โดยทั่วไป สิ่งสำคัญและท้าทายความสามารถในการจัดกลุ่มแบบนี้ คือ การกำหนดหัวข้อต่าง ๆ ให้สื่อความหมายและเข้าใจได้ง่าย มีขอบเขตไม่กว้างหรือแคบจนเกินไป และควรคำนึงถึงข้อมูลใหม่ ๆ ที่อาจเพิ่มในอนาคตด้วย
- จัดกลุ่มข้อมูลตามกลุ่มผู้ใช้ (Audience-specific) ในกรณีที่คุณมีกลุ่มผู้ใช้ที่ชัดเจน และเข้ามาใช้บริการในเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ จะเป็นการดีถ้าคุณสามารถแบ่งข้อมูลออกเป็นพวก ๆ ตามความสนใจของผู้ใช้แต่ละกลุ่ม เพื่อความสะดวกในการเลือกดูเฉพาะที่ตนเองสนใจ
- จัดกลุ่มข้อมูลตามการทำงาน (Task-oriented) เป็นการแบ่งเนื้อหาและการทำงานต่าง ๆ ให้อยู่ในรูปของกระบวนการ หน้าที่ และงานย่อย ในปัจจุบันเว็บไซต์ที่จัดระบบตามลักษณะงานนี้มีให้เห็นได้น้อย เนื่องจากข้อมูลในเว็บไซต์ส่วนใหญ่มักจะเป็นเนื้อหามากกว่าการทำงาน
- จัดกลุ่มข้อมูลตามแบบจำลอง (Metaphor-driven) แบบจำลองเป็นสิ่งที่มักใช้กับการแนะนำสิ่งใหม่ โดยเชื่อมความสัมพันธ์กับสิ่งที่ใช้คุ้นเคยอยู่แล้ว ในขั้นนี้เราสามารถใช้แบบจำลองการจัดระบบ (organizational metaphor) ช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจสิ่งใหม่ได้ดีและชัดเจนขึ้น ข้อสำคัญก็คือ ต้องแน่ใจว่าแบบจำลองที่เลือกมาใช้นั้นเป็นที่คุ้นเคยต่อผู้ใช้ส่วนใหญ่แล้ว
แบบแผนระบบข้อมูลแบบผสม (Hybrid Schemes)
การจัดระบบข้อมูลโดยใช้เพียงแบบแผนใดแบบแผนหนึ่งนั้น จะทำให้ผู้ใช้สามารถทำความเข้าใจได้ง่ายและรวดเร็ว แต่เมื่อไรก็ตามที่จำเป็นต้องมีการผสมแบบแผนเหล่านั้น ก็จะสร้างความสับสนให้กับผู้ใช้อย่างเลี่ยงไม่พ้น ตัวอย่างของการผสมแบบแผนนั้นมีให้เห็นในเว็บไซต์ได้ทั่วไป เนื่องจากเป็นเรื่องค่อนข้างยากที่จะตัดสินใจใช้เพียงแบบแผนเดียวกับข้อมูลที่มีอยู่อย่างหลากหลาย
ในการนำเสนอข้อมูลที่มีความหลากหลายภายในเว็บ ถ้าเราหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้หลายแบบแผนรวมกันในการจัดกลุ่มข้อมูล วิธีการหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้ใช้ยังคงความเข้าใจในรูปแบบข้อมูลที่แตกต่างกันได้ดี ก็คือการแยกส่วนการนำเสนอของแบบแผนที่ต่างกันให้อยู่คนละที่กัน และทำให้มีลักษณะที่แตกต่างกัน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น